จุลพันธ์ โนนศรีชัย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จุลพันธ์ โนนศรีชัย
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2497 (70 ปี)
จังหวัดเชียงใหม่
พรรคการเมืองชาติไทยพัฒนา

จุลพันธ์ โนนศรีชัย เป็นนักการเมืองชาวไทย ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยแบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบันสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา

ประวัติ[แก้]

จุลพันธ์ โนนศรีชัย เกิดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2497 อาศัยอยู่ที่ตำบลบ้านแหวน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่[1] เขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรี บริหารธุรกิจบัณฑิต (การเงิน) จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (บริหารรัฐกิจ) จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

จุลพันธ์ ประสบอุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบท์ทำให้สูญเสียขาซ้าย และใช้ขาเทียมในการเดินปกติ

การทำงาน[แก้]

จุลพันธ์ โนนศรีชัย เคยทำงานในองค์การคลังสินค้า ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า และเขาทำธุรกิจเปิดร้านอาหาร รวมถึงการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์[2] ต่อมาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 เขาได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 52 และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สมัยแรก เป็นลำดับสุดท้ายที่ได้รับเลือกตั้งจากจำนวน 50 ที่นั่งของพรรคอนาคตใหม่ ต่อมาเมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรค เขาจึงย้ายไปสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา[3]

จุลพันธ์ ถูกกล่าวถึงทางสื่อมวลชนเมื่อมีภาพการสวมกางเกงขาขั้นเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร และต่อมาเขาเปิดเผยว่าได้ขออนุญาตประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เนื่องจากตนเป็นผู้พิการต้องใส่ขาเทียม และไม่สะดวก[4][5]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. ประวัติ จุลพันธ์ โนนศรีชัย
  2. จากชีวิตโลดโผนสู่เส้นทางการเมืองรัฐสภาของจุลพันธ์ โนนศรีชัย
  3. อดีต อนค.“จุลพันธ์ โนนศรีชัย” สังกัด ชทพ.เรียบร้อย หลังชำระค่าสมาชิก
  4. ส.ส. อนาคตใหม่ แจง "จุลพันธ์" สวมขาสั้นร่วมประชุมสภา
  5. ส.ส.สวมขาสั้นประชุมสภา แจง "ชวน" อนุญาตแล้ว
  6. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๖๕, เล่ม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑ ข หน้า ๕, ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
  7. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๖๓, เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑ ข หน้า ๙, ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔